การเทรดแบบ Multitimeframe คืออะไร? ดียังไง? EP.19

การเทรดแบบ Multitimeframe คืออะไร หรือ Top-Down Analysis คือเทคนิควิเคราะห์กราฟหลายไทม์เฟรมเพื่อเห็นทั้งภาพใหญ่และจุดเข้าที่แม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยง

เทรดแบบ Multitimeframe คืออะไร


การเทรดแบบ Multitimeframe Analysis หรือ Top-Down Analysis คือการวิเคราะห์กราฟราคาด้วยหลายๆไทม์เฟรม (หลายกรอบเวลา) เพื่อให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดของตลาดพร้อมกัน แทนที่จะใช้เพียงไทม์เฟรมเดียว เช่น เทรดเดอร์อาจวิเคราะห์กราฟตั้งแต่ D1 (รายวัน), H4 (4 ชั่วโมง), H1 (1 ชั่วโมง), ไปจนถึง M5 (5 นาที) แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ร่วมกันในการหาจังหวะเข้า–ออกที่แม่นยำขึ้น


หลักการของ Multitimeframe
  1. TOP DOWN APPROACH – วิเคราะห์จากไทม์เฟรมใหญ่ก่อน เพื่อรู้ “แนวโน้มหลัก” แล้วค่อยลงไปหาโอกาสในไทม์เฟรมเล็ก
  2. การยืนยันสัญญาณ (CONFIRMATION) – เมื่อไทม์เฟรมเล็กกับไทม์เฟรมใหญ่บอกไปในทิศทางเดียวกัน สัญญาณยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น
  3. การจัดการความเสี่ยง (RISK MANAGEMENT) – ไทม์เฟรมใหญ่บอกจุดตัดขาดทุน / เป้าหมายที่สมเหตุสมผล ส่วนไทม์เฟรมเล็กช่วยหาจุดเข้าให้ได้ราคาที่คุ้มค่า

1. D1 – ไทม์เฟรมรายวัน (มองภาพใหญ่)

  • ใช้เพื่อดูเทรนด์ใน D1 ว่าตลาดอยู่ในภาวะ ขาขึ้น / ขาลง / ไซด์เวย์
  • ใช้หา แนวรับ–แนวต้านใหญ่ใน D1
  • ตัวอย่าง: หาก D1 เป็นขาขึ้น แสดงว่าควรเน้นมองหาโอกาส Buy มากกว่า Sell

ข้อดีของ D1 : ป้องกันไม่ให้เราเข้าเทรดสวนเทรนด์ใหญ่โดยไม่รู้ตัว

2. H4 – ไทม์เฟรม 4 ชั่วโมง (มองโครงสร้างย่อย)

  • ใช้เพื่อดูแนวโน้มใน H4 ว่าตลาดอยู่ในภาวะ ขาขึ้น / ขาลง / ไซด์เวย์
  • ใช้หา แนวรับ–แนวต้านใน H4
  • ตัวอย่าง: ใน D1 เป็นขาขึ้นแต่ใน H4 เป็นขาลง แบบนี้จะเป็นโอกาสที่จะหาจุดเข้า Buy ตามเทรนด์หลักใน D1

ข้อดีของ H4 : ให้รายละเอียดมากขึ้น วางแผนรอจังหวะเข้าเทรดได้ชัดเจน

3. H1 – ไทม์เฟรม 1 ชั่วโมง (หาสัญญาณยืนยัน)

  • ใช้เพื่อดูแนวโน้มใน H1 ว่าตลาดอยู่ในภาวะ ขาขึ้น / ขาลง / ไซด์เวย์
  • ใช้หา แนวรับ–แนวต้านใน H1
  • ตัวอย่าง: หาก H1 มีแท่งเทียนกลับตัวจากแนวรับ Demand Zone → นั่นเป็นสัญญาณที่น่าเข้า Buy

ข้อดีของ H1 : ช่วยยืนยันสัญญาณ ทำให้การเข้าเทรดมีความมั่นใจมากขึ้น

4. M5 – ไทม์เฟรม 5 นาที (หาจุดเข้า–ออกที่แม่นยำ)

  • ใช้เพื่อหาจังหวะเข้าในราคาที่ดีที่สุด
  • ใช้สำหรับตั้ง Stop Loss (SL) ให้สั้น และได้ Risk/Reward Ratio ที่คุ้มค่า
  • ตัวอย่าง: เมื่อ H1 ยืนยันการกลับตัวแล้ว ลงไปดู M5 รอให้ราคาทำ Higher High และ Higher Low ก่อนเข้า Buy เพื่อให้ SL สั้นที่สุด

ข้อดีของ M5 : ให้ Entry ที่แม่นยำ ลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน


การวิเคราะห์ Multitimeframe บนกราฟจริง

จากภาพถึงแม้กราฟทองคำวันที่ 20 สิงหาคม 2020 หากไปย้อนดูจะพบว่ากราฟในไทม์เฟรม H4 และ H1 อยู่ในเทรนด์ขาลง แต่เนื่องจากมีแนวรับจาก Demand Zone ในไทม์เฟรม H1 ประกอบกับ D1 มีเทรนด์เป็นขาขึ้น จึงเลือกตัดสินใจวางแผนในฝั่งบายตามภาพใหญ่และสุดท้ายกราฟก็สามารถปรับตัวขึ้นพักได้ตามแผนที่วางไว้


  • มองเห็นทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดเล็ก
  • เพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ
  • ลดการเข้าเทรดสวนแนวโน้มหลัก
  • จัดการความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น

สรุปการเทรดแบบ Multitimeframe

การเทรดแบบ MULTITIMEFRAME เป็นการผสมผสานมุมมองจากหลายกรอบเวลา ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดจุดเข้า–ออกที่แม่นยำขึ้น โดยใช้แนวคิด “ภาพใหญ่บอกทิศทาง ภาพเล็กบอกจังหวะเข้า”

ดังนั้น หากคุณต้องการพัฒนาการเทรดให้เป็นระบบและลดความผิดพลาด การฝึกใช้ MULTITIMEFRAME จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

📹 เทรดแบบ Multitimeframe คืออะไร? ทำไมมือโปรถึงวิเคราะห์หลายกราฟก่อนเข้าไม้?
คลิปนี้จะพาไปทำความเข้าใจการเทรดแบบ Multi TF ว่าคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และช่วยให้เราวางแผนเทรดได้แม่นยำขึ้นแค่ไหน พร้อมตัวอย่างการวิเคราะห์จาก Timeframe ใหญ่สู่เล็กเพื่อหาจุดเข้าเทรดแบบมั่นใจ

👉 คลิกดูคลิปที่นี่

อยากลืมเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ดู รีวิวโบรกเกอร์ Forex ก่อนตัดสินใจได้เลยคร๊าบบบบ

📘 บทความถัดไปแนะนำ
แกะ Trade Set-up – SNIPER TRADE ทำกำไรกว่า 600% ในไม้เดียว!
อยากรู้ไหมว่าเทรดเดอร์สาย Sniper วางแผนเทรดยังไงถึงทำกำไรได้หลายเท่าตัวในไม้เดียว? บทความนี้พาไป “แกะรอยเซ็ตอัปจริง” ตั้งแต่การดูเทรนด์, วางแผนจาก Timeframe ใหญ่, หาสัญญาณยืนยันใน M5 จนถึงการเข้าไม้ปลายไส้ที่แม่นสุด พร้อมการจัดการ SL/TP และ MM อย่างมืออาชีพ

👉 อ่านเลย : แกะ TRADE SET-UP – SNIPER TRADE ทำกำไรกว่า 600%