ถ้ารู้ความจริงแนวรับ แนวต้าน ไม่ได้มีแค่จุดเดียว! มันสะท้อน “ความเชื่อของผู้คน” ในตลาด และ Divergence คือกุญแจสำคัญก่อนกราฟวิ่ง รู้แล้วเทรดดีขึ้นแน่นอน 100%
ถ้ารู้ความจริงแนวรับ แนวต้าน ไม่ได้มีแค่จุดเดียว! มันสะท้อน “ความเชื่อของผู้คน” ในตลาด และ Divergence คือกุญแจสำคัญก่อนกราฟวิ่ง รู้แล้วเทรดดีขึ้นแน่นอน 100%
หลายคนที่เริ่มต้นเทรดมักจะตั้งคำถามว่า
“ทำไมกราฟมันหลอกเรา?”ทั้งที่ดูอินดิเคเตอร์ครบทุกตัว วางแนวรับแนวต้านเป๊ะ แต่พอเข้าเทรดจริง ราคากลับสวนทางทันที
ความจริงแล้ว… กราฟไม่ได้หลอกใคร แต่มันเพียงสะท้อน “พฤติกรรมของคนทั้งตลาด” ที่มีความเชื่อและมุมมองแตกต่างกัน
ทุกจุดกลับตัว ทุกแท่งเทียน ทุกแนวรับแนวต้าน ล้วนเป็นผลจากแรงซื้อแรงขายของคนจำนวนมากที่มีความคิดและมุมมองแตกต่างกัน และเมื่อเข้าใจกลไกนี้จริงๆ คุณก็จะเริ่มเทรดด้วยมุมมองใหม่ที่มั่นคงกว่าเดิม 100%
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแนวรับแนวต้านนั้นไม่ได้มีแค่จุดเดียว เพราะแนวรับแนวต้านเป็นเหมือน “สมรภูมิของความเชื่อ” บางคนมองจากจุด High/Low เดิม บางคนมองจากเส้น EMA,Fibonacci,Demand Supply Zone, Orderblock,FVG หรือ Trendline และอื่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้นสามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้านได้ทั้งสิ้น
เพราะมนุษย์แต่ละคนนั้นมีความเชื่อที่แตกต่างกันจึงเกิดแนวรับแนวต้านซ้อนกันหลายแนวบนกราฟ และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแนวรับหรือแนวต้านไหนที่จะเบรกผ่านไปได้หรือแนวไหนจะหยุดราคาไว้ได้ สิ่งที่เราทำได้คือ “การคาดการณ์ (เดา)” เท่านั้น
เพราะตลาดไม่ได้มีแค่ “แนวรับแนวต้านชนิดที่เราเชื่อ” แต่มี “แนวรับแนวต้านชนิดที่คนอื่นๆเชื่อ” อีกนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น
เนื่องจากตลาดไม่ได้ถูกควบคุมโดยใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือผลรวมของคำสั่งซื้อขายจากผู้คนทั่วโลก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถรู้แน่ชัดว่าราคาจะเบรกหรือเด้งแนวรับแนวต้านไหน สิ่งที่เราทำได้คือ “วิเคราะห์ความน่าจะเป็น” และ “เตรียมแผนรับมือ” โดยดูจากร่องรอยของฃองการสะสมแรงที่ตลาดได้ทิ้งเอาไว้ ซึ่งแสดงออกมาผ่านทางสัญญาณความขัดแย้ง (Divergence)
สัญญาณการขัดแย้งกัน (Divergence) นั้นแสดงถึงความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้เล่นในตลาด“เมื่อกราฟเกิดสัญญาณ Divergence แสดงว่ามีผู้เล่นในตลาดกำลังสะสมแรงซื้อหรือแรงขายเพื่อใช้ทะลุผ่านแนวรับแนวต้าน” และจะส่งผลให้กราฟเกิดการ “พักหรือกลับตัว”
แน่นอนว่าเราไม่มีไม่ทางรู้เลยว่า Divergence ชุดนั้นจะทำให้เกิดการพักหรือกลับตัว เรารู้แค่เพียงว่าตลาดกำลัง “สะสมแรง” เพื่อเตรียมเบรกแนวรับแนวต้านสำคัญและมันกำลังจะเกิดการเคลื่อนไหวเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้ตำแหน่งที่เกิดสัญญาณ Divegence (เกิดการสะสมแรง) เป็นจุดเข้าได้โดยตั้ง SL ใต้แนวรับที่มีการสะสมแรง และ TP ที่แนวต้าน A,B,C ดังภาพด้านล่าง
เมื่อใช้ Divergence มาช่วยวิเคราะห์จะสามารถเลือกจุดเข้าได้แม่นยำขึ้นและเสี่ยงน้อยลง เพราะเราจะเข้าคำสั่งในจุดที่มี “การสะสมแรงก่อนกราฟวิ่ง” แต่ต้องอย่าลืมว่าเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการสะสมแรงในครั้งนั้นจะพาราคาไปสุดที่แนวต้านหรือแนวรับไหน ดังนั้นควรเลือกแนวต้านหรือแนวรับสำหรับ TP อย่างเหมาะสม (ถ้าจะ TP ที่บริเวณแนวต้านหรือแนวรับที่ไกลออกไปควรแบ่งปิดกำไรหรือกันทุนให้เรียบร้อยเพราะไม่มีใครรู้อนาคต)
แนวรับแนวต้านเกิดจาก “ความเชื่อของผู้คน” จึงมีหลายจุดมาก แน่นอนว่าไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าราคาจะเบรกหรือเด้งแนวรับแนวต้านนั้นๆหรือไม่? แต่เราสามารถใช้สัญญาณ Divergence หาการสะสมแรงก่อนกราฟวิ่งเพื่อใช้เป็นจุดเข้าโดยกำหนดจุด SL ใต้แนวรับที่เกิดสัญญาณ Divergence ได้ ซึ่งจะทำให้มีแผนเทรดที่ชัดเจนอีกทั้งยังมี Risk/Reward ที่คุ้มค่า
“กราฟไม่ได้โกหก มันเพียงสะท้อนความเชื่อของคนทั้งโลกในรูปของราคา”
เมื่อคุณเข้าใจความจริงข้อนี้คุณจะไม่เทรดเพื่อ “เดาอนาคต” อีกต่อไป แต่จะเทรดอย่างมีเหตุผล เข้าใจจังหวะของแรง และรู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของกราฟล้วนมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ
📽️ ดูคลิป : 👉 คลิกดูคลิปที่นี่
📹 อยากรู้ความจริงของ “แนวรับ–แนวต้าน” ที่หลายคนมองข้าม!?
💡 คลิปนี้พาเข้าใจว่าแนวรับ & แนวต้านคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ และจะใช้ยังไงให้ “การเทรด” ดีขึ้นได้จริงถึง 100%
อยากลืมเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ดู รีวิวโบรกเกอร์ Forex ก่อนตัดสินใจได้เลยคร๊าบบบบ